ศ. ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
            "การ
จัดการศึกษาที่มีคุณภาพ นับเป็นประเด็นที่ภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคมไทย 
ต่างให้ความสนใจ และมุ่งพัฒนาให้ได้ตามเป้าหมาย 
โดยเฉพาะในสภาวะที่ประเทศไทยต้องเปิดเสรีการศึกษา 
อันจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อสถาบันการศึกษาโดยเฉพาะสถาบันการอุดมศึกษา 
            อย่าง
ไรก็ตาม แม้ว่ามหาวิทยาลัยและผู้เกี่ยวข้อง 
จะพยายามในการพัฒนาคุณภาพการอุดมศึกษาก็ตาม 
แต่ก็ยังคงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับคุณภาพของมหาวิทยาลัย
ไทยอย่างกว้างขวางว่า อาจไม่สามารถไปถึงฝั่งที่วาดฝันไว้ 
และมีแนวโน้มที่คุณภาพการอุดมศึกษาอาจไม่สามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ
ได้อย่างราบรื่นนักในเวลาอันสั้น
            จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกหรือมหาวิทยาลัยดีเด่น 200 อันดับทั่วโลก ของนิตยสารไทมส์ไฮเออร์ (Times Higher Education Supplement: THES) ร่วมกับหน่วยงานวิจัยชื่อดังอย่าง QS ของประเทศอังกฤษ ซึ่งจัดทำติดต่อกันและเผยแพร่มาเป็นปีที่ 3 ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน พบว่ามหาวิทยาลัยไทยเพียงมหาวิทยาลัยเดียวที่ติด 200 อันดับแรกคือ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ได้อันดับที่ 121 ในปี พ.ศ. 2548 และลดมาอยู่ในอันดับที่  161 ในปี พ.ศ. 2549 
            ดัง
นั้น 
ในสภาพการณ์ที่การแข่งขันและสภาพแรงกดดันด้านความต้องการคุณภาพของการจัดการ
อุดมศึกษาที่มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 
จำเป็นที่มหาวิทยาลัยไทยต้องเร่งพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา 
โดยมิใช่เพื่อแข่งขันได้ในกลุ่มมหาวิทยาลัยไทยด้วยกันเองเท่านั้น 
แต่ต้องสามารถแข่งขันได้อย่างทัดเทียมกับมหาวิทยาลัยในระดับนานาชาติ 
ช่วงปีที่ผ่านมาในการศึกษาวิจัยที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผมได้มีโอกาสคลุกคลีและสนทนากับคณาจารย์ และสัมผัสการเรียนการสอนและการวิจัยที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ทำให้ผมได้ข้อคิดและพบเห็นสภาพการจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในหลายประเด็นที่มีส่วนทำให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้ชื่อว่า เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งของ
โลก 
ผมจึงขอแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของมหาวิทยา
ลัยฮาร์วาร์ด โดยมุ่งเฉพาะประเด็นการจัดการเรียนการสอน 
เพื่อเป็นแนวทางพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอนในการจัดการอุดมศึกษาไทย 
การสอนแบบกรณีศึกษา (Case Study) ฮาร์วาร์ด
ได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นวิธีการเรียนการสอนแบบกรณีศึกษา 
ที่กระตุ้นให้ผู้เรียนและผู้สอนมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ 
ทั้งจากภายในและนอกห้องเรียน ซึ่งกลายเป็นวัฒนธรรมการศึกษา 
ที่ก่อร่างให้ผู้ที่เข้ามาสัมผัสวิถีดังกล่าว 
ได้รับการพัฒนาทักษะในการแสวงหาความรู้ เพื่อให้ไปถึงพรมแดนความรู้ในเรื่องนั้น ๆ อย่างลึกซึ้งได้ 
การสอนที่นำผู้เรียนสู่การปฏิบัติจริง เพื่อ
การฝึกทักษะผู้เรียนตามวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอน 
แต่ละวิชาที่ผมได้เข้าเรียน 
ผู้สอนจะมีกิจกรรมหลายรูปแบบในการฝึกทักษะที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการ
เรียน เช่น ในวิชาที่เกี่ยวข้องกับศิลปะการสื่อสาร 
จะมีการจัดกิจกรรมที่ฝึกการพูดในที่ชุมนุมชน ฝึกการเขียนบทความ 
การเขียนสุนทรพจน์ ในวิชาที่ว่าด้วยการฝึกฝนภาวะผู้นำ 
ผู้เรียนจะได้ฝึกการเป็นผู้นำในหลายรูปแบบ อาทิ 
การให้ผู้เรียนผลัดกันเป็นผู้นำกลุ่มย่อยระหว่างสัปดาห์ ดูภาพยนตร์ 
ฟังเพลงเพื่อวิเคราะห์ภาวะผู้นำและการตอบสนองต่อสถานการณ์ของผู้นำประเภท
ต่าง ๆ 
ซึ่งถือว่าเป็นการเรียนที่มีการนำสิ่งรอบตัวมาเป็นเครื่องมือในการเรียนการส
อน ทำให้ผู้เรียนรู้สึกตื่นตัวในการร่วมกิจกรรมเหล่านั้น
การสอนที่เน้นสร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนค้นคว้าก่อนเข้าห้องเรียน ในหลายวิชาที่ผมเข้าไปเรียนพบว่า ผู้สอนจะมีโครงร่างการเรียนการสอน (Course syllabus) ที่
ละเอียด ทั้งหนังสือที่ต้องอ่าน 
วัตถุประสงค์ในการเรียนการสอนแต่ละคาบวิชาสะท้อนว่า 
ผู้สอนวางแผนล่วงหน้าในการสอนอย่างดี 
ผู้เรียนสามารถทำความเข้าใจกับหัวข้อที่จะเรียนในแต่ละคาบวิชาก่อนเข้าเรียน
 
ประกอบกับการเข้าชั้นเรียนแต่ละสัปดาห์ผู้สอนมักมีคำถามให้ผู้เรียนตอบคำถาม
ก่อนเข้าเรียนทุกครั้ง และมีการให้คะแนนในสิ่งที่ผู้เรียนตอบ 
รวมถึงในบางวิชาจะให้เพื่อร่วมชั้นได้ประเมินงานของเพื่อนแต่ละคน 
วิเคราะห์สิ่งที่เพื่อนร่วมชั้นแสดงความคิดเห็น ซึ่งระบบการให้คะแนนเช่นนี้
 ส่งผลให้ผู้เรียนจำเป็นต้องอ่านหนังสือและค้นคว้าหาความรู้อยู่เสมอ
          การสอนที่ใช้สื่อหลากหลายและมีคุณภาพ
 การเรียนการสอนในแต่ละวิชามีเป้าหมาย 
เพื่อผู้เรียนได้เข้าถึงแหล่งความรู้ที่ดีที่สุด โดยพบว่าแต่ละวิชา 
ผู้สอนจะคัดเลือกหนังสือที่ดี มีชื่อเสียง 
ที่ได้รับการยอมรับโดยการตีพิมพ์ในหลายภาษา 
มาให้ผู้เรียนได้อ่านประกอบการเรียนการสอน รวมถึงมีบทความ 
มีชุดหนังสือประกอบการสอนแต่ละคาบ (Course package) ที่รวมบทความ ข้อเขียนของคนดังในเรื่องนั้น ๆ อย่างหลากหลายมาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น The Prince ของ Machiavelli The Republic ของพลาโต สุนทรพจน์ของประธานาธิบดี Roosevelt John F. Kennedy รวมถึงประธานาธิบดีบุชหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน ทำให้ผู้เรียนได้เข้าถึงองค์ความรู้ที่ดีที่สุดในวิชานั้น ๆ ฯลฯ
          การสอนที่มุ่งทำวิจัยเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ การ
ศึกษาในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดไม่ใช่เป็นการเรียนเพื่อสอบให้ผ่านเท่านั้น 
แต่มหาวิทยาลัยมีวัตถุประสงค์ให้ผู้เรียนทุกคนต้องทำวิจัยหรือสร้างนวัตกรรม
ใหม่ที่เป็นต้นฉบับ โดยคณาจารย์ที่เป็นที่ปรึกษาในการทำวิจัย 
จะเข้มงวดในการให้คำปรึกษาและมีส่วนในการควบคุมคุณภาพการผลิตผลงานวิจัยของ
ผู้เรียน 
อันเป็นที่มาที่ส่งผลให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดผลิตบุคลากรที่ได้รับรางวัล
โนเบล 15 รางวัล พูลิตเซอร์ 15 รางวัล และมีส่วนในการผลิตปรมาจารย์ชื่อดังมากมายกระจายไปทั่วโลก 
          การสอนโดยคณาจารย์ที่มีคุณภาพ คณาจารย์
ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะเจาะจง ความน่าสนใจของการเรียนแต่ละวิชาคือ 
อาจารย์ผู้สอนเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในวิชาที่สอนอย่างลึกซึ้ง 
ซึ่งทำให้ลงรายละเอียดในภาคปฏิบัติและทฤษฎีได้อย่างสมดุล ทำให้ผู้
เรียนเกิดความเข้าใจและเห็นภาพในภาคปฏิบัติอย่างชัดเจน เช่น 
การนำผู้ที่มีประสบการณ์ในการเป็นผู้อำนวยการจัดทำโครงการหาเสียงเลือกตั้ง
ให้กับพรรคเดโมเครตมาสอนในวิชาที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมการเลือกตั้ง 
การนำผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์และทำงานองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับการ
พัฒนาเศรษฐกิจมาสอนในวิชาเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นต้น 
คณาจารย์ที่มีผลงานวิชาการ มหา
วิทยาลัยฮาร์วาร์ดจะไม่รับนักศึกษาที่จบใหม่มาเป็นอาจารย์ 
แต่ให้ออกไปสร้างผลงานก่อน 
ต่างจากมหาวิทยาลัยอื่นที่ให้โอกาสนักศึกษาของตนเองเข้ามาสอน เช่น 
การได้รางวัลทางวิชาการต่าง ๆ หรือมีผลงานทางวิชาการเป็นที่ประจักษ์ 
มีประสบการณ์การทำงานในสาขานั้นอย่างเฉพาะเจาะจง 
ประการที่สำคัญอาจารย์ในมหาวิทยาลัยต้องแข่งขันกันรักษาเก้าอี้ของตัวเอง 
โดยการสร้างผลงานวิชาการภายใน 5 ปี
 เพราะด้วยเงินค่าจ้างที่แพงมาก 
ประกอบกับมหาวิทยาลัยได้จ้างอาจารย์ผู้สอนหมุนเวียนทุกปี 
เพื่อผลิตนักศึกษาและผลงานวิชาการที่มีคุณภาพสูง 
อันเป็นแรงกดดันอยากหนักที่ทำให้อาจารย์ผู้สอนที่ไม่มีผลงานทางวิชาการหลุด
จากเก้าอี้เมื่อใดก็ได้
ความ
โดดเด่นในด้านการจัดการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดดังข้างต้นเป็น
เพียงตัวอย่างบางส่วนจากประสบการณ์ที่ผมได้สัมผัสจริง 
ซึ่งนับเป็นกรณีศึกษาที่สถาบันอุดมศึกษาไทย อาจนำมาประยุกต์ใช้ 
เพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดการอุดมศึกษา 
จนสามารถสร้างชื่อเสียงและแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ"
 
 
 
 
 
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น