ผมเชื่อว่านักวิชาการสาธารณสุขร้อยละ 90 รู้สึกเบื่องาน เซ็งกับงานต่างๆๆไม่ว่าจะงานประกันสุขภาพ งานป้องกัน งานรักษา หรือการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง อีกทั้งต้องดูแลในเรื่องของโภชนาการเด็ก ดูแลเรื่องการในเด็กได้ดื่มนมแม่ แถมพ่วงด้วยการบำบัดผู้ติดสารเสพติด ต้องคิดโครงการ ต้องหารแนวทางเผื่อให้เป็นหมู่บ้านปลอดเหล้า งานต่างๆล้สนถาโถมเข้ามาให้นักวิชการสาธารณสุขต้องเร่งรีบจัดการ ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จตามเป้าประสงค์ผู้เป็นนาย
ด้วยเหตุผลดังกล่าวก่อให้เกิดความท้อแท้เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อทั้งใจ นักวิชาการสาธารณสุขบางคนก็มองหาช่องทางอื่นๆเผื่อที่จะแสวงหาสิ่งที่ดีกว่า แสวงหาหาทางที่คือว่าจะก่อเกิดความพึงพอใจกับตนเอง บางคนก็ไปเรียนต่อแพทย์ที่่มหาวิทยาลัยนเรศวร บางคนก็ไปเรียนต่อเภสัชกรรมที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ผมเองก็อยากไปเรียนต่อแพทย์เพื่อชนบทแต่สอบไม่ติดสักทีครับ
แพทย์newtract เป็นความฝันของผมเมื่อ5ปีก่อน และปัจจุบันก็ยังเป็นความฝันอยู่เหมือนเดิม แฮะๆๆ
ในปีนี้ผมเองก็คอดว่าจะไปสอบอีกเช่นเคย และผมได้นำเรื่องนี้ไปคุยกับพ่อผม ด้วยว่าจะขอเงินค่าสมัครและค่าเดินทาง
พ่อผมจึงได้เอ่ยถามถึงเหตุผลที่ผมจะไปสอบ เพราะเห็นไปสอบหลายปีละ แต่ยังสอบไม่ได้แถมไม่เห็นอ่านหนังสืออีกต่างหาก พ่อผมจึงถามว่า "ตกลงมึงไปสอบหรือไปแดกเหล้ากับเพื่อนว่ะ"(จริงๆแล้วพ่อแค่ถามว่าไปสอบหรือไปเที่ยว)
ผมเลยบอกพ่อผมว่า ผมเบื่องานที่ทำอยู่ครับ ผมเบื่อที่ต้องคอยไปตั้งโปรเจคเตอร์ เบื่อที่ต้องเดินเวียนหนังสือ เบื่อที่ต้องไปเซ็นรับของ เบื่อที่ต้องไปซ่อมคอมพิวเตอร์ตอนดึกๆๆ เบื่อที่ต้องไปคอยตอบคำถามอาจารย์เวลาที่เขามาประเมินโรงพยาบาล เบื่อที่ต้องทำสรูปผลงานประจำปี เบื่อที่ต้องทำนำเสนอ เบื่อที่ต้องคอยตามข้อมูล
พ่อผมบอกว่ามึงเบื่อเยอะขนาดนั้นทำไมไม่ลาออกว่ะ
ใช่ ผมอยากลาออกแต่ผมมีภาะมากมายเลย ผมต้องส่งน้องๆเรียนหนังสือ ค่าเทอม ค่าห้องพัก นานาจิปาถะ ผมจึงลาออกไม่ได้ ผมไม่พร้อมที่เสี่ยงไปทำธุรกิจของตัวเอง
พ่อผมจึงเอาหนังสือ "ความสุขที่แท้จริงให้ผมอ่าน" พร้อมเล่าเนื้อหาคร่าวๆให้ผมฟัง (แกรู้ว่าผมจะไม่อ่าน)
หนังสือเรื่อง "ความสุขที่แท้จริง" เขียนโดย Dr.Martin Seligman เป็นเรื่องเกี่ยวกับความพึงพอใจของบุคคลกับงานของตัวเอง โดยยกงานวิจัยของ Amy Wrzesniewski ที่ทำขึ้นในปี 1997 ซึ่งพบว่า
1ใน3 ของคนมองงานตัวเองว่าเป็นJob คือทำเพื่อแลกกับเงิน ทำเพื่อประทังชีวิต
อีก1ใน3 ถัดไปมองว่าเป็น Career คือมีแรงจูงใจหลักอยู่ที่การไต่เต้าก้าวหน้าในองกรณ์
อีก1ใน3 สุดท้าย มองว่าเป็น Calling คือว่าหากไม่เดือดร้อนแล้ว สิ่งที่ทำแม้จะไม่ได้เงินเขาก็เต็มใจทำเพราะมันมีความหมายกับชีวิตของเขา
ยกตัวอย่างในเห็นชัดๆๆ
นักวิชาการสาธารณสุข ชื่อ ก ทำงานที่ รพ.สต แห่งหนึ่ง ทำงานเพื่อหาเงินแต่งงาน หาเงินเลี้ยงครอบครัว ถ้าเขามีเงินมากพอเขาจะไม่เป้นนักวิชาการสาธารณสุข แต่จะไปทำงานอื่น เวลาทำงานเขาจะภาวนาให้เวลาผ่านไปเร็วๆ เขาจะรอคอยวันหยุดสุดสัปดาห์
นักวิชาการสาธารณสุข ชื่อ ข ทำงานที่ รพ.สต เดียวกัน สนุกกับงานที่ทำ แต่ไม่ต้องการจะทำงานเดิมเกิน 5 ปี เขาต้องการตำแหน่งที่คอดว่าดีกว่านักวิชาการสาธารณสุข เพราะในบางเวลางานในหน้าที่นักวิชาการสาธารณสุขก็น่าเบื่อ เขาจึงหาหาทางเพื่อที่จะไปเรียนต่อแพทย์
นักวิชาการสาธารณสุข ชื่อ ค ทำงานที่ รพ.สต เดียวกัน เขาภาคภูมิใจในตำแหน่งหน้าที่ของเขา มันเป็นตัวตนของเขา เขาจะบอกคนอื่นเวลาแนะนำตัวว่าเขาทำงานอะไรอยู่ด้วยความภาคภูมิใจ และเขามักจะหอบงานมาทำที่บ้านด้วยความติดพัน เขารักสิ่งที่เขาทำ เขาจึงสนับสนุนให้น้องๆเขาทำเหมือนเขา
พ่อผมจบด้วยประโยคที่ว่า "ไปค้นหาความหมายหรือCalling จากงานของมึงเดียวนี้"
Callingของนักวิชาการสาธารณสุข
ป้ายกำกับ:
นักวิชการสาธารณสุข
View Posts Recommended By Other Readers :
นักวิชการสาธารณสุขคลังบทความของบล็อก
- พฤษภาคม (1)
- มีนาคม (3)
- มกราคม (1)
- มิถุนายน (1)
- เมษายน (2)
- พฤศจิกายน (1)
- สิงหาคม (2)
- พฤษภาคม (1)
- เมษายน (1)
- พฤศจิกายน (2)
- มีนาคม (1)
- กรกฎาคม (1)
- มิถุนายน (1)
- พฤษภาคม (2)
- เมษายน (4)
- มีนาคม (7)
- กุมภาพันธ์ (3)
- มกราคม (8)
- ธันวาคม (3)
- พฤศจิกายน (9)
- ตุลาคม (1)
- กันยายน (9)
- สิงหาคม (32)
- กรกฎาคม (42)
- มิถุนายน (41)
- พฤษภาคม (3)
- เมษายน (5)
- มีนาคม (3)
- กุมภาพันธ์ (13)
- มกราคม (8)
- ธันวาคม (7)
- พฤศจิกายน (10)
- ตุลาคม (4)
- กรกฎาคม (2)
- มิถุนายน (10)
Popular Posts
-
นับเวลาหลายปีแล้วที่เจ้าหน้าที่สาสุขต่างพยายามศึกษาต่อเพื่อให้ได้คำว่า ปริญญา......ในก่อนหน้านี้ก็ไปเรียนราชภัฎ เอกสุขศึกษา หรือลาเรียนต...
-
ตัวอย่างการแบ่งงานใน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพนะครับ มีทั้งหน้าที่ของนักวิชาการสาธารณสุข หน้าที่ของพยาบาลวิชาชีพ หน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุ...
-
"เสื้อหมออนามัย" ใส่ได้เฉพาะ หมออนามัย หรือเปล่าครับ? เป็นคำถามที่เด็กอายุราว 4 ปีได้เอยถามผม พอผมได้ยินคำถามนี้ผมก็ถามตอบท...
-
เนื่องด้วยบุญพา บารมีเสริม ทำให้ผมได้มีโอกาศไปนั่งรับฟังนโยบายการดำเนินงานงานปฐมภูมิ ถึงแม้ว่าผมไม่ได้รับฟังจากปากท่านผู้ตรวจราชการ ท...
-
มีคำกล่าวที่ว่า "ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ" จากคำกล่าวนี้จะเห็นได้ว่า ตามีความสำคัญมาก ดังนั้นแล้ว ยาหยอดตา ก็เป็น...
Related Websites
- จัดการอารมณ์ของนักวิชาการสาธารณสุข - GUSTUSO
- สร้างสุขแบบนักวิชาการสาธารณสุข - GUSTUSO
- ความทรงจำเกี่ยวกับพิษสุนัขบ้า - GUSTUSO
บล็อกเพื่อนๆๆ
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
349,942
3 ความคิดเห็น:
ผ่านมาหลายปีแล้วตอนนี้หาความหมายของคำว่าcalling จากงานได้หรือยังคะ?? ^^.
ช่วงนี้เหนื่อยใจกับการวิ่งไล่ตัวชี้วัดเอย นโยบายเอย ไม่มีแรงจูงใจเลย ไม่เป็นตัวของตัวเอง ห่างไกลประชาชน อยากขอคำชี้แนะให้มีความสุขกับงานสาธารณสุขค่ะ ^^.
หายังไม่ได้..แต่ใกล้ละครับ
แสดงความคิดเห็น