การผดุงครรภ์ คือ การดูแลมารดาและทารกตั้งแต่ผู้หญิงเริ่มตั้งครรภ์จนถึงคลอด
เพื่อแนะนำ แก้ไข ป้องกันอาการต่างๆ
ของผู้เริ่มตั้งครรภ์ซึ่งจะมีความเปลี่ยนแปลงในร่างกายเกิดขึ้น
ผดุงครรภ์
มีหน้าที่สำคัญในการดูแลรักษาผู้ตั้งครรภ์ ตั้งแต่แรกเริ่มจนทารกคลอด
และมีหน้าที่ชี้แจงแนะนำในสิ่งต่างๆ ให้ผู้จะเป็นมารดาเข้าใจและดำเนินชีวิตคู่อย่างถูกต้อง
ตามธรรมชาติ เพื่อที่จะได้มี บุตร-ธิดา ที่มีคุณภาพ
นอกจากนิยามและความหมายของการผดุงครรภ์แล้ว สิ่งที่ต้องท่องให้ขึ้นใจสำหรับผู้ที่จะสอบวิชาผดุงครรภ์คือ สรีระร่างกายของหญิงและชายวัยเจริญพันธุ์
สรีระร่างกายของหญิงและชายวัยเจริญพันธุ์
ระบบอวัยวะสืบพันธุ์ชายประกอบด้วย
1.ต่อมอัณฑะ
2.ท่อน้ำอสุจิ
3.องคชาติ
ระบบอวัยวะสืบพันธุ์หญิงประกอบด้วย
1.มดลูก
2.รังไข่
3.ช่องคลอด
เพศชาย
ต่อมอัณฑะ มีหน้าที่ผลิตน้ำอสุจิและกลั่นตัวอสุจิ
เป็นโรงงานที่ไม่มีเวลาพักผ่อน แล้วส่งน้ำอสุจิไปตามสองสาย (สายสองสลึง) ไปพักอยู่ในถุงน้ำกาม
ซึ่งคิดอยู่ใต้กระเพาะปัสสาวะทั้งสองข้าง)
น้ำอสุจิ ประกอบด้วยตัวสเปิร์มมาโตซัว ลักษณะเป็นเมือกขาวข้น
ออกมาครั้งหนึ่งประมาณ 3-4 ช้อนกาแฟ เด็กชายอายุ 16 ปีบริบูรร์
จึงจะมีตัวสเปอร์มาโตซัวจนถึงถึง 70-80 ปี ซึ่งทำให้เกิดบุตรได้ (แต่ไม่แน่นอนแล้วแต่กำลังคน)
เพสหญิง
มดลูก
เป็นกล้ามเนื้อสามชั้นหนาเหนียวแข็งแรงมาก ไขว้กันตามยาวหนึ่งชั้น
ไขว้กันตามขวางหนึ่งชั้น ไขว้เฉลียงหนึ่งชั้น
ภายในตัวมดลูก
เป็นโพลงรูปห้องสามเหลี่ยมแบนๆมีช่องหนึ่งไปทางช่องคลอด อีกสองช่องอยู่ก้นมดลูก
ออกไปทางซ้ายและขวา เรียกว่าปีกมดลุกซ้ายขวา
ปีกมดลูก
เป็นหลอดทางเดินของไข่สุกเข้าไปโพลงมดลูก ปากหลอดเหมือนปากแตร
มดลูกทรงตัวลอยด้วยเอ็นทั้งสองข้าง ถ้าเอ็นขาดทำให้มดลูกออกมาจุกที่ปากช่องคลอด
หรือออกมานอกช่องคลอด(กระบังลมหรือดากออก)
ช่องคลอด ยาวประมาณ 5-6 นิ้ว ตั้งแต่ปากมดลูกถึงปากช่องคลอด
ปากช่องคลอด มีแอ่งสำรับน้ำอสุจิ
มีน้ำเมือกสภาพครึ่งกรดครึ่งด่าง
ปากมดลูกอักเสบมีสภาพเป็นกรดมากเกินไป
จะทำให้อสุจิที่มากับน้ำอสุจิกำลังหรือตาย (ทำให้ผู้หญิงเป็นหมัน)
ถ้ามีสภาพเป็นด่าง
จะเป็นการส่งเสริมการวิ่งของอสุจิ
ตัวอสุจิ มีตัวคล้ายลูกอ๊อด คือ หัวกลมเล็ก ตัวแบนมีหางกระดิก
ไข่ที่ตกจากรังไข่จะเคลื่อนเข้าทางปากแตรประมาณ 6-7 วัน จึงจะเดินถึงโพรงมดลูก
การให้การดูแลแก่หญิงตั้งครรภ์
1.การซักประวัติ
1.1
อายุ ชีพ ระยะเวลาการแต่งงาน
1.2
ประวัติทั่วไป ประวัติครอบครัว การเจ็บป่วย การคลอด การมีระดู
อาการผิดปกติที่ต้องพบแพทย์ การนัดตรวจครรภ์
การตรวจครรภ์ การตรวจเลือด การตรวจปัสสาวะ
2. การให้คำแนะนำผู้ตั้งครรภ์
แนะนำเรื่องอาหาร
เครื่องนุ่งห่ม การปฏิบัติต่อร่างกาย เรื่องการทำงาน การมีเพศสัมพันธ์
การแท้ง
(ครรภ์วิปลาส)
สาเหตุที่ทำให้เกิดการแท้ง
1.
ต้นเหตุเกี่ยวกับไข่
เกิดจากการตายของไข่ที่ฝังตัวลงในพื้นเยื่อมดลูก ต้นเหตุที่ทำให้ไข่ตาย มี
ครรภ์ไข่ปลาอุก โรคของรก โรคของสายสะดือ โรคของเยื่อถุงน้ำหุ้มเด็ก
โรคขอตัวเด็กเอง
2.
ต้นเหตุที่เกี่ยวกับมารดา
2.1 เกี่ยวกับอวัยวะภายในช่องเชิงกราน ได้แก่ เยื่อบุพื้นมดลูกอักเสบ
มดลูกมีรูปร่างผิดไปจากปกติ มดลูกมีขนาดเล็ก ยอดมดลุกพลิกกับตัวอยู่ด้านหลัง
ปากมดลูกฉีกขาด เนื้องอกไปรบกวนมดลูก
2.2 เกี่ยวกับการผิดปกติ
ที่เกิดแก่มารดาแล้วเป็นผลที่ทำให้เด็กตายบ่อย ได้แก่ โรคที่ทำให้มารดามีไข้สูง
ยาสลบ การกระทบกระเทือนจากภายนอก มีความเครียดและความวิตกกังวล
เกี่ยวกับต่อมภายในผิดปกติ
2.3 ต้นเหตุเกี่ยวกับพ่อ ได้แก่
ตัวสเปิร์มอ่อนแอ
ชนิดของการแท้ง
การทำแท้ง คือ
การที่มดลูกแยกจากกันและมีโลหิตออกมาทางช่อคลอดในระยะที่มีอายุครรภ์ต่ำกว่า 28
สัปดาห์
การแท้งแยกออกได้ 3 ระยะ คือ
ระแยะแรก คือ แท้งในระยะสองเดือนแรกของการตั้งครรภ์
ระยะที่สองคือ แท้งในระยะตั้งครรภ์ได้ 3-4 เดือน
ระยะที่สาม คือ แท้งในระยะตั้งครรภ์ได้ 5-7 เดือน
การดูแลรักษาหญิงที่มีการแท้ง
ให้นอนพักนิ่งๆ1สัปดาห์
ให้อาหารแต่พอควร งดเหล้า ห้ามใช้ยาถ่าย
ทารกตายในครรภ์มีอาการ ดังนี้
มีอาการเจ็บท้องอย่างรุนแรงด้านใดด้านหนึ่งของมดลูก
หน้าท้องตึงละมีเลือดออกทางช่อคลอด ฟังเสียงหัวใจของทารกไม่ได้ยิน และทารกไม่ดิ้น
ให้นำส่งโรงพยาบาล แต่ถ้าทารกนั้นแท้งรกไม่หลุดตัวมดลูกกำลังหดตัว หรือเนื่องจากทารกไม่แก่พอที่จะหลุดออกมาจากมดลูก
เป็นเหตุให้สตรีที่แท้งลุกมีรกติดโดยมาก และยังเกิดจากปากมดลุกยังเปิดไม่พอ
ให้คนไข้นอนพักนิ่งๆ ให้อาหารแต่ควร
การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
ในระยะ 1
เดือนแรก เมื่อน้ำอสุจอผสมกับไข่ได้ 2
สัปดาห์แล้ว ทารกจะเกิดเป็นกระดูก เริ่มต้นมีชีวิต เกิดเนื้อสมองและเนื้อประสาท
สัปดาห์ที่3เหมือนตัวด้วง ครบหนึ่งเดือนจะเกิดทรวงอกและช่องท้อง
ลอดหัวใจเริ่มเต้นระริกสัปดาห์ที่5 จะยาวประมาณ 1 นิ้ว เท่าไข่นกพิราบ
เดือนที่ 2 ปากจมูกหูตา มือเท้างอกขึ้นเป็นจุดดำๆ
เดือนที่ 3
เริ่มเกิดเป็นนิ้วมือนิ้วเท้า
เดือนที่ 4
อวัยวะเกิดเกือบพร้อมกันหมด แต่ตาไม่มี ทารกเริ่มดิ้น
เดือนที่ 5 ได้ยินเสียงหัวใจเต้นถนัดอวัยวะมีครบบริบูรณ์
ลืมตาและหลับตาได้
เดือนที่ 6 สายสะดือยาว 12 นิ้ว เท่าตัวทารก
หากคลอดในระยะนี้ บางทีเลี้ยงรอดแต่ต้องใช้ความร้อนเลี้ยงร่างกายให้อุ่น
บางทีคลอดได้พียง 12 วัน ก็ตาย
เนื่องจากในกระเพาะอาหารของทารกยังไม่มีกรดแลคติคที่ทำหน้าที่ย่อย
เดือนที่ 7 หากคลอดในระยะนี้เลี้ยงรอดแต่ห้ามอาบน้ำเย็น
เดือนที่ 8
ทารกมีอวัยวะครบทุกอย่าง สายสะดือยาว 16 นิ้ว เท่ากับทารก
เดือนที่ 9
สายสะดือและตัวยาวเท่ากัน 17
นิ้ว
กิริยาทารกในครรภ์
ทารกจะงอตัวอยู่ในมดลูกและลอยตัวอยู่ในน้ำคร่ำ
สายสะดือติดต่อเป็นขั้วอยู่กับรก
ครรภ์ผิดปกติ หรือ การตั้งครรภ์ผิดปกติ
การตั้งครรภ์ผิดธรรมดานั้นคือรกเกาะติดอยู่ที่ปากมดลูก
เวลาคลอดรกจะออกมา สตรีผู้คลอดมักตาย ต้องรีบผ่าท้องคลอดรกออกมา
และช่วยให้ทารกคลอดได้โดยเร็ว ระงับโลหิตแล้วส่งแพทย์ด่วน
อีกอย่างหนึ่ง
ไข่สุกที่ผสมแล้วไปติดอยู่ที่หลอดปากแตร มักเป็นแก่หญิงที่เคยมีบุตรแล้ว
อยู่มาในไม่ช้า ถุงหุ้มตัวเด็กจะแตกออก มักทำให้สตรีนั้นเป็นอันตราย
โรคแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์
1.อาเจียนอย่างรุนแรง
2.โรคพาแห่งครรภ์
3.โรคหัวใจ
4.ท่อทางเดินปัสสาวะอักเสบ
การทำคลอดปกติ
อาการที่แสดงการทำคลอดบุตร
เต้านมจะแข็งคัด
ปากช่องคลอดบวม ท้องลดต่ำลง ท้องกลมแข็ง มีอาการเป็นเหน็บชาที่เท้า เกิดอาการบวมขา
เลือดลมคั่ง ถ้ามดลูกเปิดถึง3นิ้ว ก็เกือบถึงกำหนดคลอด ถุงน้ำคร่ำก็จะแตก
การตรวจปากมดลุก
ปากมดลูกเปิดเท่าเหรียญสลึง
ต้องรออีกสองชั่วโมงแล้วทำการตรวจใหม่ ถ้าเปิดเท่าเหรียญบาท ต้องตรวจทุกๆชั่วโมง
ถ้าเปิดกว้าง 3 นิ้ว
แสดงว่าจะคลอดในชั่วโมงนี้ ถ้าเป็นท้องสาวต้องรอไปอีก 2 ชั่วโมง
เมื่อปากมดลูกเปิดกว้างกว่า 3
นิ้ว น้ำทูนหัวจะไหลออกหมด
มดลูกจะบีบรัดตัวทารกทำให้เป็นการช่วยเร่งทารกคลอดออกเร็ว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น