ช่วงเวลานี้ก็เป็นช่วงปลายปีงบประมาณแล้วละครับ นักวิชาการสาธารณสุขหลายท่านคงสวมบทบาทนักจัดการโครงการ ก็คือต้องเร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จก่อนปีงบประมาณ ผมเป็นนักวิชาการที่โชคดีที่ไม่ต้องมาเร่งทำโครงการเหมือนนักวิชาการสาธารณสุขคนอื่นๆและวันนี้ผมได้นำบทความพิเศษของท่านประสพ เรียงเงินและท่านบันเทิง เพียรค้า มาฝากท่านผู้อ่านครับ บทความชื่อ เจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนไม่เกื้อกูลต่อสายงานวิชาการจริงหรือ?
ความนำ
ความพยายามในการผลักดัน
ให้มีตำแหน่งทางวิชาการสาธารณสุขประจำสถานีอนามัยจนเป็นผลสำเร็จ
เป็นผลงานชิ้นสำคัญที่กระทรวงสาธารณสุขกรุณามอบให้เพื่อเป็นของขวัญและกำลังใจแก่หมออนามัย
ที่ต้องรับผิดชอบให้บริการสาธารณสุขแบบผสมผสานทุกกิจกรรม ซึ่งปริมาณงานต่างๆ
มีแนวโน้มที่จะมีเพิ่มมากขึ้น ทั้งในด้านลักษณะและความยุ่งยากสลับซับซ้อน
รวมทั้งต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบท และงานอื่นๆ ที่ต้องได้รับมอบหมายด้วย
ตำแหน่งดังกล่าวจึงน่าจะเป็นความก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่สถานีอนามัยซึ่งเป็นทั้งบ้านและที่ทำงานของพวกเขานั่นเอง
แต่ความเป็นจริงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมิได้ง่ายดายเหมือนความใฝ่ฝันของพวกเขา
เพราะมีปัญหาและอุปสรรคบางประการต่อการได้มาซึ่งตำแหน่ง
และความก้าวหน้าในสายวิชาการของหมออนามัยอย่างพวกเขา ดังจะได้กล่าวต่อไป
สภาพปัญหา
1. การได้มาซึ่งตำแหน่งนักวิชาการในสถานีอนามัย กว่าตำแหน่งนี้จะได้รับการอนุมัติ ต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร
ซึ่งหมออนามัยทุกคนก็ต้องขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านไว้ ณ
ที่นี้ด้วยความจริงใจ
2. การเข้าสู่ตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุข สำนักงาน
ก.พ.ได้กำหนดเงื่อนไขในการเข้าสู่ตำแหน่ง
เป็นคุณสมบัติในการบรรจุแต่งตั้งที่สำคัญประการหนึ่ง คือ ต้องผ่านการสอบแข่งขัน
ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่สุดของผู้พลาดโอกาส ในการเข้าสู่ตำแหน่งนักวิชาการของหมออนามัย
เพราะข้อสอบดังกล่าวนี้จะมีความยากมาก สำหรับผู้ที่เตรียมตัวไม่พร้อม
มีเวลาเตรียมตัวน้อยหรือไม่ได้ฝึกทักษะใน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
* สถานีอนนามัยตำบลศรีณรงค์
อำเภอชุมพลยุรี จังหวัดสุรินทร์
การทำข้อสอบเท่าที่ควร (โดยอาจจะมีเหตุผลแตกต่างกันไป)
แม้ว่าข้อสอบความสามารถทั่วไป
จะเป็นเครื่องมือที่ดีที่ใช้ในการวัดความสามารถในการคิดและวิเคราะห์ทั่วๆ ไป เพื่อคัดเลือกบุคคลของสำนักงาน
ก.พ. แต่อาจจะไม่เป็นธรรมกับการเปลี่ยนสายงานเป็นนักวิชาการของหมออนามัยมากนัก
เพราะพวกเขาไม่ใช่กลุ่มข้าราชการทั่วไปเหมือนกระทรวงอื่น ที่เริ่มรับราชการในระดับที่ต่ำกว่าปริญญาตรีและปริญญาตรีขึ้นไปในสายงานเดียวกัน
การเปลี่ยนสายงานจะเกิดการแข่งขันกันระหว่างคนสองกลุ่ม แต่พวกเขาล้วนเป็นบุคคลที่เริ่มรับราชการในระดับเดียวกันทั้งหมด
จึงไม่มีการแข่งขันระหว่างกลุ่มดังกล่าว และการบรรจุนักวิชาการในสถานีอนามัย
เป็นการเกลี่ยคนในอัตราเดิมมาบรรจุ
มิได้แข่งขันกับบุคคลภายนอกและไม่ต้องเพิ่มอัตรากำลัง
จึงไม่ขัดกับนโยบายด้านกำลังคนของทางราชการ
นอกจากนี้ในวงการสาธารณสุขด้วยกันมีบางสายงาน เช่น พยาบาลเทคนิค เป็นต้น
เมื่อสำเร็จการศึกษาต่อเนื่องระดับปริญญาตรีแล้ว
สามารถที่จะปรับเปลี่ยนเป็นตำแหน่งสายงานวิชาการได้
โดยไม่ต้องมีการสอบคัดเลือกหรือสอบแข่งขันซึ่งเป็นลักษณะที่ก่อให้เกิดการได้เสียเปรียบกันอย่างชัดเจน
แต่เมื่อเงื่อนไขของ ก.พ. กลายเป็นหลักการที่ต้องถือปฏิบัติ
พวกเขาก็เคารพในหลักเกณฑ์ดังกล่าว
3.
ความก้าวหน้าในตำแหน่ง แม้กรอบอัตรากำลังในสถานีอนามัยของ
ก.พ.จะกำหนดให้มีนักวิชาการสาธารณสุขระดับ
6 ว. และ 7 ว.
(สูงกว่าระดับของหัวหน้าสถานีอนามัยในปัจจุบันด้วยซ้ำ) แต่ความเป็นจริงแล้วกรอบอัตรากำลังดังกล่าว มิได้เอื้ออำนวยต่อหมออนามัย
ที่เปลี่ยนสายงานจากตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนเท่าใดนัก
ทั้งนี้เนื่องจากตามเกณฑ์ของ ก.พ. ได้กำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติของนักวิชาการ
ระดับ 6 ว และ 7 ว
ว่าต้องมีประสบการณ์ในสายงานวิชาการไม่น้อยกว่า 6 และ 7
ปีตามลำดับ
แม้ภายหลังจะอนุโลมให้มีการนับระยะเวลาที่เกี่ยวข้องหรือเกื้อกูลกับสายงานวิชาการนั้นๆ
ได้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เสนอขออนุมัติ
ให้มีการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานสาธารณสุข พยาบาลเทคนิค
และเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนเป็นระยะเวลาเกื้อกูล ตามหนังสือสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ สธ. 0203/42/27209 ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2538 แต่บัดนี้ มีเพียงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานสาธารณสุข
และพยาบาลเทคนิคเท่านั้นที่ได้รับอนุมัติแล้ว ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ.ที่ นร 0707.9/123 ลงวันที่ 24
มีนาคม 2540
ตั้งแต่วันที่ขออนุมัติถึงบัดนี้ (ก.พ. 41) ประมาณ 2 ปีกว่าแล้ว
ที่ระยะเวลาของตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่การปฏิบัติงานในตำแหน่งดังกล่าว
อยู่บนพื้นฐานที่ต้องใช้หลักวิชาการสาธารณสุขเช่นกัน
4. แนวโน้มในอนาคต กรอบอัตรากำลังในสถานีอนามัยนั้น
หัวหน้าสถานีอนามัยจะต้องเป็นระดับ 7 และมีตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน
ระดับ 6 (อย่างน้อย 1 ตำแหน่ง) โดยเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน ระดับ 5 ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนสายงานเป็นนักวิชาการสาธารณสุข
ที่มีผลสอบเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน 6 และมีคุณสมบัติอื่นๆ
ครบ จะสามารถประเมินเลื่อนระดับ 5 ไประดับ 6 ซึ่งจะก้าวหน้าเร็วกว่าผู้ที่เปลี่ยนสายงานจากเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนเป็นนักวิชาการสาธารณสุข
โดยเฉพาะเงื่อนไขของ ก.พ. ที่ยังไม่อนุมัติให้นับระยะเวลาตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน
รวมกับสายงานวิชาการได้เหมือนกับตำแหน่งอื่นๆ จะทำให้เกิดผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานต่อหน่วยงานและการดำเนินงานต่างๆ ด้วย ดังนั้นผู้เขียนจึงได้วิเคราะห์สภาพข้อเท็จจริงของการปฏิบัติงานในตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน เพื่อให้เห็นว่าตำแหน่งดังกล่าวนี้มีความเป็นวิชาการทางสาธารณสุขบ้างหรือไม่
อย่างไร
ตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนมีความเป็นวิชาการบ้างหรือไม่
?
1. ความหมายของตำแหน่งทางวิชาการ โดยทั่วไป ก.พ.ได้กำหนดไว้ 2
ลักษณะ คือ
1.1 มีลักษณะเกี่ยวกับการศึกษา
ค้นคว้า ทดลอง วิเคราะห์ วิจัยหรือวิธีการอื่นใด เพื่อหาวิธีการ ทฤษฎี แนวคิดใหม่ๆ
หรือเพื่อการเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานซึ่งโดยทั่วไปปจะต้องอาศัยความรู้
ความสามารถและความชำนาญหรือประสบการณ์ในการปรับปรุงและประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน
ที่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ
1.2
มีลักษณะเกี่ยวกับการให้บริหารหรือเชิงปฏิบัติการ
โดยผู้ปฏิบัติงานจะต้องมีความรู้ความสามารถ และมีทักษะ (ความชำนาญ)
เฉพาะบุคคลอย่างสูงซึ่งโดยทั่วไปจะต้องปฏิบัติงานหรือให้บริการในลักษณะที่เป็นแบบฉบับ หรือเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติงานธรรมดาทั่วไป และเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ
(มิใช่เป็นการปฏิบัติหรือให้บริการตามมาตรฐานทั่วไป
หรือเป็นการปฏิบัติงานประจำ)
2. ลักษณะงานและความเป็นวิชาการของตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน
2.1
หน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน
มีบทบาทหน้าที่ในการวางแผนสนับสนุนการดำเนินงานด้านการรักษาพยาบาล
การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคและการฟื้นฟูสภาพทางร่างกายและจิตใจ
การสนับสนุนทางวิชาการศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์
วิจัยงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสาธารณสุข รวมทั้งบทบาทหน้าที่ในการนิเทศ
ติดตาม ประเมินผลงาน เผยแพร่ความรู้ทางวิชาการ ประสานงานกับองค์กรเอกชน
องค์กรชุมชนและประชาชน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยทั่วไป
2.2
ลักษณะงานในหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน
ได้แก่ การวางแผนงานและประเมินผล การส่งเสริมสุขภาพและการรักษาพยาบาล
การควบคุมโรคติดต่อ การสุขาภิบาลและอนามัยสิ่งแวดล้อม
การคุ้มครองผู้บริโภคด้านสาธารณสุข การสาธารณสุขมูลฐานและการพัฒนาชุมชน
การควบคุมโรคไม่ติดต่อ การสุขภาพจิต การสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
2.3
ตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนกับความเป็นวิชาการ
เมื่อพิจารณาจากหน้าที่ความรับผิดชอบและลักษณะงานของตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน
จะเห็นว่า
เจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนจำเป็นต้องอาศัยความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการทำงานที่มีลักษณะทางวิชาการค่อนข้างมาก
โดยผู้ปฏิบัติงานจะต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในลักษณะเชิงบูรณาการ เพื่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
โดยสามารถดำเนินตามนโยบายและบรรลุตามวัตถุประสงค์ กล่าวคือ
2.3.1
ต้องใช้องค์ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ
เพื่อใช้ในการดำเนินงานต่างๆ ได้แก่ การรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรค และการฟื้นฟูสภาพการดำเนินงานดังกล่าวนี้
หากผู้ปฏิบัติไม่มีความรู้และทักษะทางวิชาการที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว
คงไม่สามารถที่จะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพในทางตรงกันข้าม อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการพัฒนาสาธารณสุขได้
ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างสภาพความเป็นจริงในการปฏิบัติงานเพียงบางส่วนของเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน
ซึ่งจะต้องใช้หลักวิชาการทางวิทยาศาสตร์สุขภาพในการปฏิบัติงาน เช่น ด้านการรักษาพยาบาล
ต้องใช้ความรู้เกียวกับโรคหรืออาการเจ็บป่วยและการใช้ยาต่างๆ
รวมทั้งทักษะและประสบการณ์ในการซักประวัติ ตรวจร่างกาย
เพื่อประกอบการวินิจฉัยและให้การรักษาพยาบาล หรือส่งผลต่อได้อย่างถูกต้อง ด้านงานระบาดวิทยา
เมื่อมีโรคระบาดเกิดขึ้นในเขตรับผิดชอบ ต้องดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรค
โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ เริ่มตั้งแต่การศึกษาความเป็นมาของโรค
การยืนยันการวินิจฉัย/การระบาด การกำหนดสมมติฐานการเกิดโรค
การเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล การควบคุมการระบาดให้โรคสงบโดยเร็ว
รวมทั้งสรุปและรายงานผลการดำเนินงาน ด้านการอนามัยแม่และเด็ก ต้องสำรวจข้อมูลกลุ่มเป้ามหมาย/วางแผนการให้บริการ และติดตามผลการดำเนินงาน เช่น ให้บริการฝากครรภ์
ทำคลอด ดูแลหลังคลอด ให้วัคซีนเด็ก ฯลฯ ซึ่งจะต้องใช้เทคนิควิธีการที่ถูกต้องอย่างเคร่งครัด
และระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะหากเกิดความผิดลพลาดแล้ว
อาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้รับบริการได้
นอกจากนี้
เจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนยังต้องมีหน้าที่ในการสำรวจและวิเคราะห์ผลการดำเนินงานสาธารณสุขในแต่ละปี
เพื่อใช้ในการวางแผนปฏิบัติงานประจำปีด้วย
ดังนั้นเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนจึงต้องใช้องค์ความรู้และทักษะทางวิชาการทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพในการปฏิบัติงาน
โดยเฉพาะผู้ที่ได้ศึกษาต่อเนื่องด้านสาธารณสุขศาสตร์สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี
จึงสามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้มากขึ้นด้วย
2.3.2
ต้องใช้องค์ความรู้และทักษะด้านจิตวิทยาและสังคมศาสตร์
เพื่อใช้ในการดำเนินงานพัฒนาสาธารณสุขในชุมชน เช่น การให้สุขศึกษา การให้คำปรึกษา
การศึกษาชุมชน การวิเคราะห์ชุมชน วางแผนและปฏิบัติงานในชุมชน และการประเมินผลชุมชน
การดำเนินการดังกล่าวต้องใช้องค์ความรู้และทักษะทางวิชาการที่เหมาะสม จึงจะช่วยให้การพัฒนาสาธารณสุขในชุมชนประสบผลสำเร็จได้
2.3.3 ผลงานทางวิชาการและนวตกรรมสาธารณสุขในรอบ
10 ปีที่ผานมา จะเห็นว่าการดำเนินงานต่างๆ
ของเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนมีผลงานทางวิชาการและนวตกรรมสาธารณสุขเป็นที่ยอมรับมากมาย
โดยจะเห็นได้จากกิจกรรมและผลงานที่ส่งประกวดผลงานทางวิชาการของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับตำบล
สนับสนุนโครงการทศวรรษแห่งการพัฒนาสถานีอนามัยทุกๆ ปี
นอกจากนี้ยังมีผลงานวิชาการอื่นๆ เช่น การศึกษา วิเคราะห์
หรืองานวิจัยต่างๆที่มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางด้วย
เมื่อพิจารณาจากบทบาทหน้าที่
ลักษณะงานที่ต้องรับผิดชอบและผลการดำเนินงานที่ผ่านมาแล้ว
จะเห็นว่าเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน (โดยเฉพาะที่ปฏิบัติงานที่สถานีอนามัย)
เป็นผู้ที่ต้องปฏิบัติงานในลักษณะที่มีการผสมผสานความรู้
ทักษะและกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุตามวัตถุประสงค์ขององค์กรหรืออาจกล่าวได้ว่าเป็น “พนักงานเอนกประสงค์” ของกระทรวงสาธารณสุข
เนื่องจากต้องมีบทบาทเป็นนักสาธารณสุขในหลายตำแหน่ง (หน้าที่)
เช่น การวินิจฉัยโรคเบื้องต้น ให้บริการด้านงานทันตกรรมบางส่วน
ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการใช้ยาบ้าง สามารถรักษาพยาบาลได้ด้วย
นอกจากนี้ยังต้องเป็นนักส่งเสิรมสุขภาพ นักสุขศึกษา และนักจิตวิทยา เป็นต้น
ดังนั้นเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนที่ดี จึงจำเป็นต้องเป็นผู้ที่รู้กว้าง (แต่อาจจะไม่ลึก) รู้จักมองมิติทางด้านสุขภาพในลักษณะที่เป็นองค์รวม
(holistic health) สามารถเชื่อมโยงมิติด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน
(มิใช่มองแบบแยกส่วน) เพื่อการแก้ไขปัญหาสุขภาพที่เหมาะสม
และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมชุมชนซึ่งการปฏิบัติงานในลักษณะดังกล่าว
ต้องใช้หลักสหวิชาการ (Multidisciplinary) มาประยุกต์ใช้ด้วย
ทางออกของปัญหา
แนวทางในการดำเนินงาน เพื่อให้มีการพิจารณาอนุมัติให้นับระยะเวลาการปฏิบัติงานในตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน
เป็นระยะเวลาที่เกื้อกูลต่อสายงานวิชาการโดยเร็วนั้น
น่าจะมีทางออกของการแก้ไขปัญหา ดังนี้
1. บทบาทของนักสาธารณสุข
1.1 ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพิจารณา
ควรรีบผลักดันให้มีการดำเนินการโดยเร็ว
1.2
ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเสนอเหตุผลประกอบการพิจารณา
ควรเปิดเผยข้อมูลที่ได้เสนอไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับอนุมัติ
และหากเหตุผลดังกล่าวยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ควรจะทบทวนและนำเสนอไปใหม่
รวมทั้งมีการชี้แจงรายละเอียดดังกล่าวแก่ผู้มีส่วนในการเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการผู้พิจารณา
เพราะเป็นผู้ที่มีความสำคัญมากต่อผลการพิจาณา
1.3 ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลการพิจารณาควรร่วมกันแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ให้มากขึ้น
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเสนอเพื่อพิจารณาต่อไปและควรจะมีการรวมตัวเป็นองค์กร (เช่น จัดตั้งชมรมขึ้น) ที่เข้มแข็งอย่างจริงจัง
เพื่อเป็นพลังในการต่อรองเรื่องต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
2. การศึกษาวิเคราะห์หรือวิจัยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพความเป็นวิชาการในการทำงานจริงๆ
ของเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน โดยให้นักวิชาการสาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการดังกล่าว
เพื่อนำเสนอข้อมูลประกอบการพิจารณาอนุมัติ
ให้การดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน
เป็นระยะเวลาที่เกื้อกูลต่อสายงานวิชาการต่อไป
บทสรุป
แม้ว่าสภาพความเป็นจริงของการปฏิบัติงานในตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน จะต้องใช้หลักวิชาการสาธารณสุขเป็นอย่างมาก แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติให้เป็นตำแหน่งที่เกื้อกูลต่อสายงานวิชาการแต่อย่างใด
ปัญหานี้เป็นผลกระทบที่มักจะเกิดขึ้นได้กับข้าราชการะดับล่างซึ่งแม้จะเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่
แต่มักจะได้รับความสนใจไม่มากเท่าที่ควร ทั้งนี้ เนื่องจากข้าราชการ
สาธารณสุขมีอยู่หลากหลายสายงาน ความก้าวหน้าจึงแตกต่างกันมากขึ้น
จะเห็นได้จากสายงานที่มีอำนาจต่อรองสูง จะมีความก้าวหน้าและสวัสดิการดีกว่ามาก
ในขณะที่ความก้าวหน้าของเจ้าหน้าที่สถานีอนามัย มักจะมีปัญหาอยู่เสมอทั้งๆ
ที่พวกเขาคือแนวหน้าที่พร้อมจะสู้รบกับปัญหาสาธารณสุขตลอดเวลา
ดังนั้นจึงใคร่ขอความกรุณาท่านผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
โปรดให้ความเป็นธรรมเกี่ยวกับขวัญและกำลังใจทุกเรื่องของพวกเขาอย่างจริงจังด้วย
เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า เลือดชาวสาธารณสุขนั้น มีสีเดียวกันจริงๆ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น